วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561



           การทำขนมไทยในเมนูขนมครก   ขนมครกก็เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานในปัจจุบันส่วนมากจะหาซื้อได้ที่ตลาด เช่น ตลาดคลองถม   เป็นต้น  รสชาติของขนมครกจะมีรสชาติหอม  หวาน  มันๆกะทิ  อร่อยมาก

ประวัติของขนมครก
ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยังพบในพม่า ลาว และอินโดนีเซีย โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่าเซอราบี (serabi)
            มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม

ขนมครก มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เนื่องจากประเทศไทย มีข้าวเป็นอาหารหลัก จึงนำข้าวมาทำเป็นอาหารทั้งคาวและหวานมากมาย ขนมครก เป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ ในทุกที่ของประเทศไทยหารับประทานได้ไม่ยากในปัจจุบัน



                      ขนมครก


ส่วนผสม แป้งขนมครก     • แป้งข้าวเจ้า 400 กรัม
     • แป้งข้าวเหนียว 50 กรัม
     • น้ำกะทิ 3 ถ้วย
     • น้ำร้อนจัด 4 ถ้วย

ส่วนผสม หน้ากะทิ      • หัวกะทิ 3 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
     • เกลือ 2 ช้อนชา

ส่วนผสม หน้าขนมครก
     • ฝอยทอง  
     • เผือก  
     • ข้าวโพด  
     • ต้นหอม

วิธีทำขนมครก
    

     1. ทำแป้งขนมครก โดยเทแป้งข้าวเจ้าใส่อ่างผสม ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว ค่อย ๆ เทน้ำกะทิตามลงไป คนอย่างเบามือ เติมน้ำร้อน คนจนทุกอย่างละลายเข้ากัน 
     2. ทำหน้ากะทิ โดยเทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยเกลือ จากนั้นเทหัวกะทิ คนส่วนผสมทุกอย่างให้ละลายเข้ากัน 
     3. นำถาดขนมครกขึ้นตั้งไฟ เปิดไฟอ่อน ๆ ใช้น้ำมันใหม่เช็ดให้ทั่วทุกหลุมขนมครก พอถาดขนมครกเริ่มร้อน สังเกตว่ามีควันขึ้นเล็กน้อย ตักแป้งขนมครกหยอดลงไปจนเกือบเต็ม ตามด้วยหน้ากะทิ และโรยหน้าขนมครก ได้แก่ ฝอยทอง เผือก ข้าวโพด หรือต้นหอมตามชอบ ปิดฝารอจนแป้งสุก แคะขนมครกใส่ภาชนะ 


                                              ลิงก์:https://www.youtube.com/watch?v=bXGRGG4kSXM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น